อยู่เฉยๆ ไม่มีบุญเท่าไหร่เลย จะแผ่บุญให้คนอื่นได้อย่างไรคะ

Last updated: 21 ก.ค. 2564  |  3111 จำนวนผู้เข้าชม  | 

อยู่เฉยๆ ไม่มีบุญเท่าไหร่เลย จะแผ่บุญให้คนอื่นได้อย่างไรคะ


พระอาจารย์สุรพจน์ สุรพจน์ สัทธาธิโก:


คำถามว่าเอ๊ะ เราอยู่เฉยๆ ไม่มีบุญเท่าไหร่เลย จะแผ่บุญไปให้เขาได้อย่างไร

ขณะที่โยมทำน่ะ บุญมันเป็นชื่อของความสุข ตอนที่โยมแผ่เมตตาให้เขา ขณะนั้นแหละ บุญก็เกิดไปพร้อมๆ ขณะนั้น .. ก็ละซึ่งความโกรธ ขัดเคือง จึงมีกุศลในขณะนั้น ขณะที่แผ่เมตตาจึงเป็นกุศลในขณะนั้นในตัวมันเอง

ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เมื่อแผ่เมตตาชั่วลัดนิ้วมือเดียวย่อมไม่เหินห่างจากฌาน

เพราะมีเมตตาในขณะจิต จึงไม่คิดฆ่าไม่คิดลักทรัพย์ ไม่คิดประพฤติในกาม ไม่คิดโกหก ไม่ตั้งในความประมาท จึงมีศีล5ในขณะจิตแห่งเมตตาจิต จึงมีกุศลในขณะนั้น .. เราแผ่ให้เขา แต่เราก็ได้มาเองด้วย


เหมือนเวลาเราออกวิ่ง ถามว่า เวลาวิ่ง เราเสียแรงไหม? เราเสียแรง.. แต่เราแข็งแรงขึ้นไหม ? เราเสียแรงวิ่ง แต่เราก็ได้แรงกลับมา ยิ่งวิ่ง ยิ่งแข็งแรง เสียแรงไป แต่ก็ได้กำลังกลับมา ไปพร้อมๆกัน เมื่อวิ่งไปกำลังก็กลับมา แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ พอแผ่เมตตาไป บุญก็เกิดพร้อมๆกัน เพราะอะไร เพราะเริ่มต้นจากจิตที่น้อมไปสู่ความสุข

ขณะที่จิตน้อมไปสู่ความสุข จิตก็เป็นกุศลในขณะที่แผ่เมตตา ให้มีความสุข ก็น้อมไปในกุศลนั้น เพราะฉะนั้นกระแสก็ไหลออกไปพร้อมๆกัน เมื่อนึกต่อเนื่อง .. ให้มีความสุขนะ .. ให้ลูกมีความสุขนะ ให้ญาติมีความสุขนะ ใครมีความสุข.. เราก็มีความสุขเอง ทั้งๆที่เราส่งบุญให้เขา แต่ใครสบาย? เราก็สบายเอง เราแผ่เมตตาให้เรา เราก็ได้ไปด้วย

-------------------------

มีแม่ลูกอยู่คู่หนึ่ง ทะเลาะกันตลอด พอลูกเหวี่ยงมา แม่ก็อัดกลับเลย .. ลูกเลยพาแม่มาฝึกจิต ..สอนเรื่องการฝึกจิต และกระแสถึงกันได้นะ พอกลับมาบ้าน ทีนี้ แม่ลูกไม่ทะเลาะกันแล้ว ลูกถามว่า ทำไมแม่มาฝึกจิตครั้งเดียว ทำไมแม่ไม่โกรธแล้วล่ะ ทำไมแม่ไม่โกรธเลย ..

พอมาอาตมาก็ถามว่า ทำไมโยมมาครั้งเดียวแล้วไม่โกรธแล้วล่ะ

เขาบอกว่า..ก็พระอาจารย์สอนว่ากระแสมันถึงกัน พอลูกเหวี่ยงมา ทำกระแสฮึดฮัดใส่ ปกติก็โกรธตอบ ..ก็รู้สึกเอ๊ะ ถ้าเราโกรธ กระแสความโกรธก็วิ่งไปถึงลูก ลูกก็ต้องเป็นทุกข์ ไม่เอาดีกว่า .. เรารักเขา ..เราแผ่เมตตาให้เขาดีกว่า ..ขอให้ลูกมีความสุขนะ เขาบอกว่า ข้างในไม่โกรธเลย แล้วนำไปใช้อย่างนี้ตลอดเลย ..

เลยอนุโมทนา การที่โยมรู้จักว่ากระแสถึงกันได้ เรียกว่ามีปัญญาเห็นตามความเป็นจริง นี่เรียกว่าเห็นทุกสิ่งเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เรียกว่าอิทัปปัจจยตา มันเชื่อมโยงกัน ..

แล้วโยมนิ่งเสร็จ โยมใช้กระแสแห่งเมตตาตอบกลับไปด้วย เรียกว่ามีปัญญากับเมตตาคู่กัน

โยมใช้อย่างนี้แหละ พอใช้อย่างนี้ ครอบครัวโยมจะมีความสุข ประเทศชาติคือครอบครัวใหญ่ ประเทศชาติใช้อย่างนี้ ประเทศชาติก็มีความสุข โลกใบนี้คือครอบครัวที่ใหญ่ที่สุด พอใช้แบบนี้ โลกนี้ก็มีความสุข เพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า โลกนี้ถูกจิตนำไป พอเราแผ่เมตตา เมตตานี้เลยค้ำจุนโลกนี้ไว้ โลกนี้ก็อยู่อย่างสันติสุขนั่นเอง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้